วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เทศกาลกินเจ



เทศกาลเจ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้วในประเทศจีน ตามตำนานระบุว่า เกิดขึ้นในสมัยที่ชาวจีนถูกแมนจูเข้ามาปกครอง และบังคับชนชาติจีนยอมรับวัฒนธรรมของตน
สมัยนั้นเองมีคนจีนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันต่อต้านแมนจู โดยใช้หลักทางธรรมเข้าร่วมด้วย
ชาวจีนกลุ่มนี้นุ่งขาว ห่มขาว และไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ตามความเชื่อว่า การประพฤติปฏิบัติตามแนวทางนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับตนเองได้
คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า “หงี่หั่วท้วง” แต่ท้ายที่สุดก็พ่ายแพ้ต่อแมนจู และพลีชีพไปจำนวนมาก
ทุกวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของแมนจู จึงพร้อมใจกันถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึง “หงี่หั่วท้วง”
นอกจากนั้น การกินเจยังเชื่อกันว่าเพื่อเป็นการสักการะพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ หรือดาวนพเคราะห์ทั้ง 9
ในพิธีกรรมนี้งดเว้นการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต หันมาบำเพ็ญศีล โดยตั้งปณิธานการกินเจ งดเว้นอาหารคาว เพื่อสมาทานศีลคือ
1. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาบำรุงชีวิตของตน
2. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเลือดของตน
3. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเนื้อของตน
เทศกาลกินเจของคนเชื้อสายจีนในไทยก็เป็นไปตามความเชื่อข้างต้น คือเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้า และเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์
ความหมายของธงเจ
อักษรแดง บนพื้นเหลือง เขียนว่า “ไจ” หรือ “เจ” มีความหมายว่า “ของไม่มีคาว”
สีแดงเป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคลในชีวิต ส่วนสีเหลืองเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล
ธงเจนอกจากเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเตือนพุทธศาส นิกชนที่ปฏิบัติตน “ถือศีล-กินเจ” ตระหนักถึงการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน
การปฏิบัติตัวช่วงเทศกาลกินเจ
งดเว้นเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์
งด นม เนย หรือน้ำมันจากสัตว์
งดอาหารรสจัด หมายถึง อาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก
งดผักกลิ่นฉุน 5 ชนิด คือ กระเทียม หัวหอม หลักimageเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ รวมทั้งเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน
รักษาศีล 5
รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์ให้คงที่
ทำบุญ ทำทาน บางคนที่เคร่งอาจนุ่งขาว ห่มขาว
“อาหารเจ” เป็นอาหารที่ปรุงขึ้นจากพืชผักธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีเนื้อสัตว์ปน และที่สำคัญต้องไม่ปรุงด้วยผักฉุนทั้ง 5
ตามความเชื่อทางการแพทย์จีน ของผักเหล่านี้มีรสหนัก กลิ่นรุนแรง เป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ
สำหรับคนที่กินเจอย่างเคร่งครัด นอกจากจะ “ถือศีล-กินเจ” แล้ว ยังต้องเลือกผู้ปรุงอาหารเจที่กินเจด้วย เพื่อให้ “อาหารเจ” นั้นบริสุทธิ์จริงๆ
บางคนจะคัดแยกภาชนะบรรจุหรือปรุงอาหาร จากที่ใช้ใส่อาหารที่มีเนื้อสัตว์อย่างเด็ดขาด
และในบางแห่งอาจพบว่ามีการจุดตะเกียงเก้าดวงไว้เป็นเวลา 9 วันตลอดระยะเวลากินเจ เพื่อรำลึกถึงบุญคุณพ่อแม่ญาติพี่น้อง และเพื่อเป็นพุทธบูชา
การกินเจทำได้ 2 แบบ คือ
1.กินเป็นกิจวัตร คือ ละเว้นการกินเนื้อสัตว์ทั้ง 3 มื้อทุกวัน
2.กินเฉพาะช่วงกินเจ คือ กินเจช่วงวันขึ้น 1 ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน
ส่วนจะปฏิบัติที่เคร่งครัดกว่า หรือเกินความคิดคำนึงพื้นฐานของคนทั่วไป เช่น ลุยไฟ ใช้เหล็กเสียบแทงตนเอง หรือม้าทรงต่างๆ ในเทศกาลกินเจที่ภูเก็ต หรือตรัง นั่นคือ ความเชื่ออันแรงกล้าทำให้เกิดสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นไปได้เสมอ

แนะกินเจให้ถูกหลัก สร้างสมดุล-ลดเสี่ยง 5 โรคร้าย
image
<!–detail–><!–images–><!–images–>
นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เทศกาลกินเจที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้ (10 ต.ค.) จนถึงวันที่ 20 ต.ค. นี้ ประชาชนจะต้องกินเจให้ถูกหลักโภชนา คือ ต้องกินอาหารให้ได้สัดส่วน ครบทั้ง 5 หมู่ และต้องกินผักผลไม้ให้เพียงพอ เพื่อสร้างความสมดุลต่อร่างกาย และจะทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายทั้ง 5 โรค เบาหวาน มะเร็ง ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ และสมองตีบ
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อว่า หากกินอาหารเจตามแฟชั่น คือ กินอาหารที่มีแป้ง อาหารทอดผัด และ มีความมันสูง จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้าย โดยเฉพาะโรคอ้วนและความดันโลหิตสูง จึงแนะควรกินเจอย่างระมัดระวัง เน้นอาหารต้ม นึ่ง ย่าง และ ยำ ให้หลีกเลี่ยงอาหาร รสจัด หวาน มันและเค็มเพื่อรักษาสุขภาพในช่วงกินเจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น